7 พฤติกรรมแย่ๆในการใช้ Notebook

1.ใช้โน๊ตบุคโดยไม่ติดตั้งแบตเตอร์รี่
เป็นความปราถนาดีอย่างสูงที่กลัวอายุการใช้งานแบตจะสั้น แต่ความจริงแล้วท่านจะแน่ใจอย่างไรว่ากระแสไฟที่ใช้อยู่ในที่ต่างๆมีความมั่นคงราบเรียบพอที่จะไม่ทำให้เกิดกระตุกหรือไฟตก หรือแม้แต่ไฟดับ ถ้าท่านทำงานอะไรอยู่ทุกอย่างจะหายไปหมดทันทีรวมถึงระบบภายในทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้วย และอีกอย่างแบต 1 ก้อนมีอายุการใช้งานประมาณ 350 รอบ(1รอบคือไฟหมดสนิทและมีการชาร์ตไฟเข้าเต็ม 1 ครั้ง) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมันจะอยู่กับเราประมาณ 2 ปีก่อนที่จะเริ่มเสื่อมสภาพ พอเข้าสู่ปีที่ 3 ขึ้นไปหลายท่านก็ซื้อเครื่องใหม่ไปแล้วล่ะครับ สิ้นสุดอายุการใช้งานของแบตพอดี ดังนั้นการถอดแบตออกเพื่อยืดอายุการใช้งานไม่มีประโยชน์เพราะถึงอายุการใช้งานของแบตเหลืออีก 3 ปีเต็มท่านก็ไม่มีโอกาสได้ใช้จนเต็มอายุอยู่ดีเพราะจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ก่อน ดูแล้วถอดแบตเล่นเสียมากกว่าได้

2.การใช้โน๊ตบุคโดยไม่เสียบสายไฟโดยไม่จำเป็น
นี่แล่ะครับการที่ลดอายุการใช้งานของแบตอย่างแท้จริง ก็คือการใช้เครื่องโดนไม่ได้เสียบสายไฟไว้โดยไม่จำเป็นนั่นเอง นอกจากจะทำให้การทำงานของเครื่องลดลงครึ่งหนึ่ง(เพราะต้องประหยัดพลังงาน) ถ้าหากมีใครไปฝืนมันด้วยการรันเกมสามมิติหรืออะไรที่หนักๆ จนทำให้มันต้องรีดพลังของออกมาตามปกติแทนที่จะลดลงเพื่อประหยัด แบบนี้ยิ่งทำให้แบตเสื่อมสภาพไวขึ้น ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ขอให้เดินหาที่เสียบสายไฟจะดีกว่านะครับ แต่ถ้าจำเป็นจริงๆก็ขอให้ลดการใช้งานในภาวะหนักๆให้มากที่สุดครับ

3.การพับจอโน๊ตบุคขึ้นลงด้วยการจับมุมจอ
อาจเป็นสาเหตุต้นๆที่ทำให้จอภาพอันบอบบางดับอนาถได้เลยทีเดียว เพราะการพับปิดหรือเปิดจอภาพขึ้นนั้นหลายท่านมักจะจับที่มุมจอด้านบนด้านใดด้านหนึ่งไม่ซ้ายก็ขวา ซึ่งเห็นชัดๆขณะดึงขึ้นหรือลงมีการบิดงอเล็กน้อยของแผงจอชัดเจนจนสังเกตุได้หรือพูดง่ายๆคือขาดความสมดุลด้านแรงส่งในการเคลื่อนไหว ตรงนี้ก็แก้ง่ายๆด้วยการหันมาจับบริเวณตรงกลางเท่านั้นเองครับ

4.วาง Flash Drive ไว้บนแผงคีย์บอร์ด
อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็น Flashdrive ก็ได้ครับ อาจจะเป็นปากกาก็ได้ที่บางท่านอาจจะนิยมวางไว้แถวๆด้านบนเหนือปุ่ม F1-12 เพื่อจะได้มองหาง่ายๆ แต่การกระทำนี้สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการแตกของจอภาพ เพราะมีโอกาสสูงที่ท่านจะลืมหยิบออกก่อนที่จะปิดพับจอลง โดยเฉพาะเครื่องรุ่นที่มีการล็อคในขณะพับปิดสนิท ตรงนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่เมื่อปิดพับจอลงก็จะมุ่งให้เข้าล็อคก่อนเสมอโดยไม่สนใจว่าการพับปิดจอลงจะเรียบร้อยหรือไม่ โดยให้มันเข้าล็อคก่อนค่อยว่ากัน แต่มารู้อีกทีว่าจอแตกละเอียดไปแล้วเพราะไปปิดทับ Flash Drive ของตัวเองที่วางแอบไว้นั่นเอง

5.วางตำแหน่งคีย์บอร์ดสูงเกินไป
เมื่อเราวางแขนลงแนบลำตัวทั้งสองข้างและพับแขนขึ้นมาตั้งฉากกับต้นแขน นั่นคือระดับที่เหมาะที่สุดในการตั้งคีย์บอร์ดและเมาส์ตามหลักการดูแลรักษาสุขภาพขณะทำงาน ทำให้ลดปัญหาการปวดเมื่อยล้าขณะทำงานได้มาก ดังนั้นควรตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์บนโต๊ะที่ออกแบบมาสำหรับวางคอมพิวเตอร์เท่านั้นจะดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน แม้แต่เม้าส์ก็มองข้ามไม่ได้เช่นกัน เพราะการใช้เมาส์ที่มีขนาดเล็กเกินไปจะทำให้ปวดเมื่อยมือและแขนได้เช่นกัน

6.วางโน๊ตบุคบนกระเป๋า
ด้วยความหวังทีจะทนุถนอมโน๊ตบุคแสนรักของเรา กลัวว่าจะเปื้อนหรือมีรอยขีดข่วนที่มาจากบริเวณที่วางเครื่อง เราก็เลยคิดสร้างสรรค์สุดๆด้วยการเอากระเป๋าสุดน่ารัก(กระเป๋าแบบเล็กที่ส่วนใหญ่ทำด้วยผ้าลูกฟูก) มารองพื้นวางเครื่องซะเลย แต่หารู้ไม่ว่าที่คือสิ่งที่ให้ทำให้เครื่องราคาแพงของเราเสียหายหนักที่สุด เนื่องจากเป็นการปิดทางระบายความร้อนของเครื่อง เพราะการออกแบบพื้นที่ใต้ท้องเครืองนั้นจะเห็นได้ว่ามักจะมีช่องระบายความร้อนอยู่มากมายทั้งจากซีพียู ฮาร์ดิสและหน่วยความจำ โดยเฉพาะซีพียูมีช่องระบายความร้อนออกทางด้านข้างก็จริง แต่อย่าลืมว่าช่องที่ดูดอากาศเข้าไปเพื่อระบายออกนั้นอยู่ด้านล่าง ดังนั้นผู้ผลิตจึงออกแบบให้ใต้ท้องเครื่องมีขาตั้งสั้นๆเพื่อยกท้องเครื่องให้สูงกว่าระนาบพื้นเล็กน้อยเพื่อเปิดพื้นที่ให้มีอากาศมากพอที่จะดูดเข้าไประบายความร้อนซีพียูได้ แต่การวางบนกระเป๋าหรือที่นอน(สบายเกินแล้ว) ซึ่งพื้นมีลักษณะนุ่มไม่เรียบ ก็จะปิดทางระบายอากาศทั้งเข้าและออก ส่งผลให้ความร้อนในเครื่องสูงเกินไป ส่งผลเสียหายต่อซีพียูและส่วนประกอบอื่นๆได้ ถ้าร้อนเกินไปเครืองจะทำงานช้าลงและหยุดการทำงานในที่สุด

7.เข้าโหมด Sleep เก็บใส่กระเป๋า
บางครั้งเราก็อาจจะไม่อยาก Shutdown เครื่องให้เสียเวลาบูตใหม่อีกรอบตอนเปิดเครื่อง แต่มีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเครื่อง แถมมือยังไม่ว่างพอที่จะถือเครื่องไปด้วยอีก จึงทำให้ต้องพับปิดจอลงและเก็บใส่กระเป๋าเพื่อความสะดวกในการหิ้วไป ซึ่งการไม่ได้ Shutdown แต่พับปิดจอลก็คือการเข้าโหมด Sleep นั่นเอง คือหลายอย่างจะปิดการทำงานลงเพื่อประหยัดพลังงานซึ่งมีประโยชน์มากยามที่เรามีความจำเป็นต้องไม่อยู่กับเครื่องแต่ไม่มีเวลามาปิดเครื่อง แต่อย่างที่่บอกคือหลายอย่างปิดตัวลงแต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ปิดสนิทและอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมที่จะตื่นจากหลับไหลมาทำงานต่อทันที ไม่ใช่การปิดถาวร นั่นหมายความว่าทุกอย่างยังคงมีกระแสไฟฟ้าเลี้ยงอยู่ และการทีมีกระแสไฟฟ้าเลี้ยงอยู่ก็คือการมีความร้อนอยู่ แน่นอนการการเก็บใส่กระเป๋าแคบๆย่อมเป็นการปิดทางระบายความร้อนทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น ส่งผลให้เครื่องเสียหายและหยุดการทำงานได้
















วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
สถาบันในเครือ
เป็นสถาบันด้านการศึกษาและมูลนิธิ ศ.ดร.นพ.กระแส ชนะวงศ์ ก่อตั้งขึั้น สำหรับบริการด้านการเรียน ทั้งระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา รวมไปถึงศูนย์ฝึกอบรม ด้านการศึกษา มูลนิธิหมอกระแส ชนะวงศ์และสถาบันกระแสภิวัฒน์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนแก่คนรุ่นหลัง