รู้จัก 3G ก่อนใช้จริง

 

 
 
     ในที่สุดประเทศไทยของเราก็จะอินเทรนด์เหมือนชาวโลกเขาเสียทีในเรื่องของการใช้ระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือความเร็วสูง 3G (มาช้ายังดีกว่าไม่มา) วันนี้เราก็จะทำความรู้จักเจ้า 3G ที่ว่านี้กันสักเล็กน้อยก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ที่รองรับระบบ 3G กัน  ซึ่งระบบ Non-voice ในบ้านเราเคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งในยุค 2.5G ครั้งที่มีระบบ GPRS รับส่งข้อมูลเข้ามาใช้ พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือติดกล้องดิจิตอลในตัวออกมารองรับ ประมาณว่ากะจะให้ส่งภาพถ่ายให้กันได้หรือแม้แต่ MMS หรือ มัลติมีเดียแมซเซจ ที่เหนือกว่า SMS ธรรมดาที่มีแต่ตัวหนังสือ แต่คนไทยเราเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปทำหน้าแอ๊บแบ๊วไว้ดูเล่นซะงั้น ระบบ Non-voice จึงไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเราเท่าที่ควร ทำให้ระบบ 3G เข้ามาช้าตามไปด้วยเพราะคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงลงทุนกับประเทศที่คนใช้ Voice มากกกว่า Non-Voice แบบบ้านเราซึ่งสวนทางกับเครื่องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของสาวกวัตถุนิยมทั้งหลายที่เน้นลูกเล่นที่เป็น Non-Voice มากมายแต่ไม่เคยได้เปิดใช้
 
       แต่มาถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปีที่เราอยู่กับ 2.5G แบบไม่ค่อยได้ใช้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก ก็ถึงวันที่ 3G จะเข้ามาแทนที่เสียที และต้องขอบคุณ Facebook ที่คนส่วนใหญ่คงจะได้ใช้ประโยชน์จากความรวดเร็วของ 3G มา Chat&Comment ได้เมามันส์มากขึ้นล่ะงานนี้ เพราะความจริงแล้ว 3G ก็คือระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สายแบบหนึ่งคล้าย Wi-Fi นั่นเอง เพียงแต่ 3G จะคลอบคลุมอาณาเขตกว้างไกลกว่านั้นเอง ที่สำคัญคือมันมีความเร็วในดาวน์โหลดข้อมูลที่เป็นขั้นพื้นฐานสูงถึง 7.2Mbps นั่นหมายความว่าเราจะใช้อินเตอร์เนตบนมือถือหรือ IPAD ได้รวดเร็วพอพอกับอินเตอร์เนต ADSL ที่บ้านเลยทีเดียว ซึ่งระยะแรกเริ่มนี้สามทหารเสือ AIS, DTAC และ TRUE ก็จะใช้ 3G ที่ความเร็วนี้ให้บริการ ก่อนจะอัพเกรดเป็น 3.9G ที่ความเร็วเกินกว่า 20Mbps ในอนาคต 
 
      สิ่งที่เราจะได้จากการสื่อสาร Non-Voice ผ่าน 3G ก็คือ อุปกรณ์ที่รองรับ 3G ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, Tablet หรือแม้แต่ Notebook ก็สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ในรูปแบบ "เชื่อมต่อตลอดเวลา" Alway on นั่นหมายความว่าถ้าเราจะอยากจะเข้าเว็บไซต์ตอนไหนก็เข้าได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลา Connect ก่อนเหมือนระบบ GPRS-EDGE ในปัจจุบันที่ยุ่งยากและเชื่องช้ากว่ามาก ดังนั้นเราจะพบว่ากิจกรรมบนมือถือของเราจะเปลี่ยนไป มีการใช้ E ต่างๆ มากขึ้นแน่นอนเพราะรวดเร็วและง่ายกว่าแต่ก่อนแล้ว รวมถึง Social Network ต่างๆ ก็จะมีการใช้งานที่เข้มข้นมากขึ้น เราจะเห็นภาพผู้คนมากมายขลุกอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากขึ้นแบบไม่เคยมีมาก่อน (ยกเว้นว่ามันจะล้มเหลวเหมือนครั้ง 2.5G) 
 
          สุดท้ายนี้ถ้าหากใครต้องการเข้าร่วมประสบการณ์ใหม่ๆในระบบ 3G  หลายคนน่าจะต้องได้เปลี่ยนเครื่องใหม่กันยกใหญ่ เพราะจำเป็นต้องใช้เครื่องรุ่นที่รองรับ 3G ด้วย แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะอันที่จริงแล้วเครื่องที่รองรับ 3G ที่มีขายในปัจจุบัน ไม่ได้มีราคาที่แพงกว่าปกติแต่อย่างใด แต่ที่หนักใจคือค่าบริการเครือข่ายมากกว่า
 
     ในที่สุดประเทศไทยของเราก็จะอินเทรนด์เหมือนชาวโลกเขาเสียทีในเรื่องของการใช้ระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือความเร็วสูง 3G (มาช้ายังดีกว่าไม่มา) วันนี้เราก็จะทำความรู้จักเจ้า 3G ที่ว่านี้กันสักเล็กน้อยก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ที่รองรับระบบ 3G กัน  ซึ่งระบบ Non-voice ในบ้านเราเคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งในยุค 2.5G ครั้งที่มีระบบ GPRS รับส่งข้อมูลเข้ามาใช้ พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือติดกล้องดิจิตอลในตัวออกมารองรับ ประมาณว่ากะจะให้ส่งภาพถ่ายให้กันได้หรือแม้แต่ MMS หรือ มัลติมีเดียแมซเซจ ที่เหนือกว่า SMS ธรรมดาที่มีแต่ตัวหนังสือ แต่คนไทยเราเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปทำหน้าแอ๊บแบ๊วไว้ดูเล่นซะงั้น ระบบ Non-voice จึงไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเราเท่าที่ควร ทำให้ระบบ 3G เข้ามาช้าตามไปด้วยเพราะคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงลงทุนกับประเทศที่คนใช้ Voice มากกกว่า Non-Voice แบบบ้านเราซึ่งสวนทางกับเครื่องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของสาวกวัตถุนิยมทั้งหลายที่เน้นลูกเล่นที่เป็น Non-Voice มากมายแต่ไม่เคยได้เปิดใช้
 
       แต่มาถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปีที่เราอยู่กับ 2.5G แบบไม่ค่อยได้ใช้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก ก็ถึงวันที่ 3G จะเข้ามาแทนที่เสียที และต้องขอบคุณ Facebook ที่คนส่วนใหญ่คงจะได้ใช้ประโยชน์จากความรวดเร็วของ 3G มา Chat&Comment ได้เมามันส์มากขึ้นล่ะงานนี้ เพราะความจริงแล้ว 3G ก็คือระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สายแบบหนึ่งคล้าย Wi-Fi นั่นเอง เพียงแต่ 3G จะคลอบคลุมอาณาเขตกว้างไกลกว่านั้นเอง ที่สำคัญคือมันมีความเร็วในดาวน์โหลดข้อมูลที่เป็นขั้นพื้นฐานสูงถึง 7.2Mbps นั่นหมายความว่าเราจะใช้อินเตอร์เนตบนมือถือหรือ IPAD ได้รวดเร็วพอพอกับอินเตอร์เนต ADSL ที่บ้านเลยทีเดียว ซึ่งระยะแรกเริ่มนี้สามทหารเสือ AIS, DTAC และ TRUE ก็จะใช้ 3G ที่ความเร็วนี้ให้บริการ ก่อนจะอัพเกรดเป็น 3.9G ที่ความเร็วเกินกว่า 20Mbps ในอนาคต 
 
      สิ่งที่เราจะได้จากการสื่อสาร Non-Voice ผ่าน 3G ก็คือ อุปกรณ์ที่รองรับ 3G ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, Tablet หรือแม้แต่ Notebook ก็สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ในรูปแบบ "เชื่อมต่อตลอดเวลา" Alway on นั่นหมายความว่าถ้าเราจะอยากจะเข้าเว็บไซต์ตอนไหนก็เข้าได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลา Connect ก่อนเหมือนระบบ GPRS-EDGE ในปัจจุบันที่ยุ่งยากและเชื่องช้ากว่ามาก ดังนั้นเราจะพบว่ากิจกรรมบนมือถือของเราจะเปลี่ยนไป มีการใช้ E ต่างๆ มากขึ้นแน่นอนเพราะรวดเร็วและง่ายกว่าแต่ก่อนแล้ว รวมถึง Social Network ต่างๆ ก็จะมีการใช้งานที่เข้มข้นมากขึ้น เราจะเห็นภาพผู้คนมากมายขลุกอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากขึ้นแบบไม่เคยมีมาก่อน (ยกเว้นว่ามันจะล้มเหลวเหมือนครั้ง 2.5G) 
 
          สุดท้ายนี้ถ้าหากใครต้องการเข้าร่วมประสบการณ์ใหม่ๆในระบบ 3G  หลายคนน่าจะต้องได้เปลี่ยนเครื่องใหม่กันยกใหญ่ เพราะจำเป็นต้องใช้เครื่องรุ่นที่รองรับ 3G ด้วย แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะอันที่จริงแล้วเครื่องที่รองรับ 3G ที่มีขายในปัจจุบัน ไม่ได้มีราคาที่แพงกว่าปกติแต่อย่างใด แต่ที่หนักใจคือค่าบริการเครือข่ายมากกว่า
 
     ในที่สุดประเทศไทยของเราก็จะอินเทรนด์เหมือนชาวโลกเขาเสียทีในเรื่องของการใช้ระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือความเร็วสูง 3G (มาช้ายังดีกว่าไม่มา) วันนี้เราก็จะทำความรู้จักเจ้า 3G ที่ว่านี้กันสักเล็กน้อยก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ที่รองรับระบบ 3G กัน  ซึ่งระบบ Non-voice ในบ้านเราเคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่งในยุค 2.5G ครั้งที่มีระบบ GPRS รับส่งข้อมูลเข้ามาใช้ พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือติดกล้องดิจิตอลในตัวออกมารองรับ ประมาณว่ากะจะให้ส่งภาพถ่ายให้กันได้หรือแม้แต่ MMS หรือ มัลติมีเดียแมซเซจ ที่เหนือกว่า SMS ธรรมดาที่มีแต่ตัวหนังสือ แต่คนไทยเราเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปทำหน้าแอ๊บแบ๊วไว้ดูเล่นซะงั้น ระบบ Non-voice จึงไม่ประสบความสำเร็จในบ้านเราเท่าที่ควร ทำให้ระบบ 3G เข้ามาช้าตามไปด้วยเพราะคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงลงทุนกับประเทศที่คนใช้ Voice มากกกว่า Non-Voice แบบบ้านเราซึ่งสวนทางกับเครื่องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของสาวกวัตถุนิยมทั้งหลายที่เน้นลูกเล่นที่เป็น Non-Voice มากมายแต่ไม่เคยได้เปิดใช้
 
       แต่มาถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปีที่เราอยู่กับ 2.5G แบบไม่ค่อยได้ใช้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก ก็ถึงวันที่ 3G จะเข้ามาแทนที่เสียที และต้องขอบคุณ Facebook ที่คนส่วนใหญ่คงจะได้ใช้ประโยชน์จากความรวดเร็วของ 3G มา Chat&Comment ได้เมามันส์มากขึ้นล่ะงานนี้ เพราะความจริงแล้ว 3G ก็คือระบบเครือข่ายการสื่อสารไร้สายแบบหนึ่งคล้าย Wi-Fi นั่นเอง เพียงแต่ 3G จะคลอบคลุมอาณาเขตกว้างไกลกว่านั้นเอง ที่สำคัญคือมันมีความเร็วในดาวน์โหลดข้อมูลที่เป็นขั้นพื้นฐานสูงถึง 7.2Mbps นั่นหมายความว่าเราจะใช้อินเตอร์เนตบนมือถือหรือ IPAD ได้รวดเร็วพอพอกับอินเตอร์เนต ADSL ที่บ้านเลยทีเดียว ซึ่งระยะแรกเริ่มนี้สามทหารเสือ AIS, DTAC และ TRUE ก็จะใช้ 3G ที่ความเร็วนี้ให้บริการ ก่อนจะอัพเกรดเป็น 3.9G ที่ความเร็วเกินกว่า 20Mbps ในอนาคต 
 
      สิ่งที่เราจะได้จากการสื่อสาร Non-Voice ผ่าน 3G ก็คือ อุปกรณ์ที่รองรับ 3G ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ, Tablet หรือแม้แต่ Notebook ก็สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ในรูปแบบ "เชื่อมต่อตลอดเวลา" Alway on นั่นหมายความว่าถ้าเราจะอยากจะเข้าเว็บไซต์ตอนไหนก็เข้าได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลา Connect ก่อนเหมือนระบบ GPRS-EDGE ในปัจจุบันที่ยุ่งยากและเชื่องช้ากว่ามาก ดังนั้นเราจะพบว่ากิจกรรมบนมือถือของเราจะเปลี่ยนไป มีการใช้ E ต่างๆ มากขึ้นแน่นอนเพราะรวดเร็วและง่ายกว่าแต่ก่อนแล้ว รวมถึง Social Network ต่างๆ ก็จะมีการใช้งานที่เข้มข้นมากขึ้น เราจะเห็นภาพผู้คนมากมายขลุกอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมากขึ้นแบบไม่เคยมีมาก่อน (ยกเว้นว่ามันจะล้มเหลวเหมือนครั้ง 2.5G) 
 
          สุดท้ายนี้ถ้าหากใครต้องการเข้าร่วมประสบการณ์ใหม่ๆในระบบ 3G  หลายคนน่าจะต้องได้เปลี่ยนเครื่องใหม่กันยกใหญ่ เพราะจำเป็นต้องใช้เครื่องรุ่นที่รองรับ 3G ด้วย แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะอันที่จริงแล้วเครื่องที่รองรับ 3G ที่มีขายในปัจจุบัน ไม่ได้มีราคาที่แพงกว่าปกติแต่อย่างใด แต่ที่หนักใจคือค่าบริการเครือข่ายมากกว่า















วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย
สถาบันในเครือ
เป็นสถาบันด้านการศึกษาและมูลนิธิ ศ.ดร.นพ.กระแส ชนะวงศ์ ก่อตั้งขึั้น สำหรับบริการด้านการเรียน ทั้งระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา รวมไปถึงศูนย์ฝึกอบรม ด้านการศึกษา มูลนิธิหมอกระแส ชนะวงศ์และสถาบันกระแสภิวัฒน์ เพื่อเป็นแหล่งเรียนแก่คนรุ่นหลัง